30 มกราคม 2557
วิชาการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษEAED2209
เวลา 15.00
- 17.30 น.
พ่อแม่ผู้ปกครองจัดกิจกรรมให้ลูกเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนร่วมกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษอย่างไร?
พ่อแม่
ผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอนแบบเรียนร่วมด้วยการรับรู้และให้ความช่วยเหลือในด้านวัสดุอุปกรณ์
สื่อการเรียนการสอน และการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือ
ทั้งนี้ควรมีบทบาทและหน้าที่ในการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับลูกเพื่อที่จะให้ลูกยอมรับและสามารถอยู่ร่วมกับเพื่อนที่มีความต้องการพิเศษ
ซึ่งพ่อแม่ควรมีบทบาทดังนี้
ส่งเสริมให้ลูกได้เล่นและทำงานกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษทั้งเพื่อนที่อยู่ในโรงเรียนและเพื่อนที่อยู่ใกล้บ้าน
(ถ้ามี)
พ่อแม่ควรสอบถามหรือสนทนากับลูกเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษที่เป็นเพื่อนกับลูกที่โรงเรียน
เพื่อส่งเสริมให้เด็กสร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
ให้การเสริมแรงด้วยวิธีการต่างๆกับลูกเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมในเชิงบวกกับเพื่อนที่เป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน
ให้ลูกบรรยายการกระทำความดีของตนเองที่มีต่อเพื่อนที่เป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เช่น การช่วยเหลือในการเล่นและการทำงาน การให้ยืมหรือแบ่งปันของเล่น ฯลฯ
เปิดโอกาสให้ลูกได้มีความใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนที่เป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เช่น การทำงานหรือเล่นร่วมกัน
เปิดโอกาสให้เพื่อนที่เป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษมาเที่ยวที่บ้าน
เกร็ดความรู้เพื่อครู
การจัดการเรียนร่วมจะประสบความสำเร็จเพียงใด
ย่อมขึ้นอยู่กับครูที่จะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อเด็กที่มีความต้องการพิเศษและการจัดการเรียนร่วม
ครูต้องมีความตั้งใจในการสอน มีการวางแผนการสอนอย่างรอบคอบ
จัดการเรียนการสอนให้มีความยืดหยุ่น
และควรมีแผนการจัดการเรียนรู้เป็นรายบุคคลสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
และจัดบรรยากาศการเรียนการสอนให้มีลักษณะปกติ เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าเด็กที่มีความต้องการพิเศษมาเป็นภาระให้กับเพื่อนและครู
และครูควรได้รับการอบรมฝึกฝนในเรื่องการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
วิธีการที่จะช่วยเด็กที่มีความพิการทางหู มี 2 วิธี
การฝึกฟัง
จะช่วยพัฒนาทักษะในการใช้ประสาทสัมผัส ในส่วนของการได้ยินเสียงที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
อุปกรณ์ที่มีวามสำคัญมากที่สุดในการฝึกฟัง คือ เครื่องช่วยฟัง
ซึ่งจะทำหน้าที่ขยายเสียงให้ดังขึ้น
โดยมีปุ่มสามารถปรับเสียงดังค่อยได้ตามความต้องการ มีอยู่ 4 ประเภท แล้วแต่ความถนัดของผู้ใช้ คือ
· เครื่องช่วยฟังแบบใส่ในรูหู
· เครื่องช่วยฟังแบบทัดหู
· เครื่องช่วยฟังแบบติดกระเป๋าเสื้อ
· เครื่องช่วยฟังแบบแว่นตา
การฝึกพูด
· เพื่อส่งเสริมให้เด็กเข้าใจในภาษาพูด
และสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้
· สถานศึกษาสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางหู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น